เปิดตำนาน แชงกรีล่า Shangri-La ที่เที่ยวจีน 4 พิกัด เที่ยวเมืองสวรรค์แห่งเทือกเขาหิมาลัย

 คงไม่มีใครไม่รู้จัก แชงกรีล่า Shangri-La ที่เที่ยวจีน เมืองสวยแห่งเทือกเขาหิมาลัยที่เชื่อว่าเป็น ยูโทเปีย เมืองแห่งความสุขและความเป็นอมตะตามนวนิยาย The Lost Horizon ของนักเขียนชาวอังกฤษ James Hilton แม้จะไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าที่นี่คือเมืองที่กล่าวถึงในนวนิยายจริงหรือไม่ แต่สถาปัตยกรรมอันงดงามเรืองรองที่ตั้งอยู่บริเวณเทือกเขาหิมาลัยก็ทำให้เมืองแห่งนี้ไม่ต่างจากสวรรค์บนดิน ตามเรามา เปิดตำนาน แชงกรีล่า ไปพร้อมๆ กัน แล้วไปดูพิกัดไฮไลท์กันว่ามีที่ไหนน่าสนใจบ้าง

ทำความรู้จักกับ แชงกรีล่า

         แชงกรีล่า (Shangri-La) เดิมมีชื่อว่า จงเตี้ยน (Zhongdian) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของ มณฑลยูนนาน (Yunnan) เขตปกครองพิเศษของชาวธิเบตตี้ชิง ประเทศจีน ชื่อของเมืองมาจากการที่ภูมิประเทศส่วนใหญ่ของเมืองเป็นทุ่งหญ้า ซึ่งในภาษาจีน คำว่า “จง” แปลว่า ศูนย์กลาง “เตี้ยน” แปลว่า ทุ่งหญ้า หรือ อาณาจักร รวมกันจึงมีความหมายว่าอาณาจักรแห่งทุ่งหญ้านั่นเองค่ะ 

        แต่หลังจากที่ได้มีการกล่าวถึงเมืองแชงกรีล่า ที่เปรียบเสมือนเป็นยูโทเปียแห่งเทือกเขาหิมาลัยใน The Lost Horizon (1933) นวนิยายชื่อดังประพันธ์โดยนักเขียนชาวอังกฤษ James Hilton ทั้งความงดงามของเมือง วัฒนธรรม และสถานที่ตั้งตรงบริเวณเทือกเขาหิมาลัยต่างก็ตรงกับเมืองจงเตี้ยนที่ประเทศจีนหลายประการ ทางจีนจึงได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น “แชงกรีล่า” ตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมา และพัฒนาให้เป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบค่ะ

ตำนาน แชงกรีล่า

ก่อนที่จะมาเป็นแชงกรีล่าตามนวนิยายของ James Hilton นั้น ความจริงแล้วความเชื่อเกี่ยวกับเมืองอันลึกลับที่เปรียบเสมือนสวรรค์บนดินนั้นมีอยู่ในทุกๆ วัฒนธรรม ซึ่งทางตะวันตกก็มีความเชื่อว่ามีดินแดนมหัศจรรย์แห่งหนึ่งซ่อนตัวอยู่ตรงบริเวณใดบริเวณหนึ่งของ เทือกเขาหิมาลัย (Himalayas) เทือกเขาขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ตั้งแต่ประเทศอินเดียไปจนถึงทิเบต และดินแดนที่ว่านั่นก็คือ แชงกรีล่า ซึ่งมีนครหลวงชื่อว่า ชัมบาลา (Shambala) นครแห่งความมั่งคั่งและบริสุทธิ์ ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นต่างก็มีปัญญาอันสูงส่ง จิตใจบริสุทธิ์ เป็นอมตะ และไม่มีการรบราฆ่าฟันเพื่อแก่งแย่งชิงดีกัน

ท่ามกลางความวุ่นวายและความสูญเสียครั้งใหญ่ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ผู้คนจึงต้องการแสวงหาเมืองแห่งความสุขราวกับสวรรค์ที่ว่านั่น หนึ่งในนั้นก็คือ Nicholas Roerich จิตรกรและนักเขียนชาวรัสเซีย-อเมริกัน ที่เดินทางค้นหาเมืองแชงกรีล่าอย่างจริงจังจนกระทั่งไปถึงเมืองลาซา (Lhasa) เมืองหลวงของทิเบต เขาใช้เวลา 3 ปี ตั้งแต่ปี 1925-1928 ในการตามหาดินแดนดังกล่าว ก่อนจะมีหลักฐานเป็นภาพวาดที่เขาอ้างว่าเป็นภาพของเมืองแชงกรีล่านั่นเองค่ะ ภาพเหล่านั้นได้ปรากฏให้เห็นถึงบ้านเมืองอันเงียบสงบ สถาปัตยกรรมอันวิจิตรงดงามท่ามกลางขุนเขาหิมะของเทือกเขาหิมาลัย รวมถึงผู้คนที่มีปัญญาสูงส่งเป็นอย่างมาก

ต่อมาก็ได้มีการบรรยายถึงเมืองแชงกรีล่าในลักษณะคล้ายคลึงกันใน The Lost Horizon นวนิยายของ James Hilton ที่ตีพิมพ์เป็นครั้งแรกเมื่อปี 1933 รวมถึงการกล่าวถึงของดินแดนแชงกรีล่าในคัมภีร์พุทธของทิเบตอีกด้วยว่าเป็นดินแดนที่ต้องใช้สมาธิญานหรือการบำเพ็ญขั้นสูงในการแสวงหา จึงจะสามารถเข้าถึงดินแดนแห่งนั้นได้ค่ะ

ในปัจจุบัน แม้จะไม่มีการพิสูจน์แน่ชัดว่าแชงกรีล่าและเมืองชัมบาลามีอยู่จริงหรือไม่ แต่ก็ได้มีการเอาตำนานเหล่านี้ไปเปรียบเทียบกับเมืองต่างๆ ที่มีอยู่จริงตรงแถบเทือกเขาหิมาลัย ซึ่งเมืองมีที่มีลักษณะภูมิประเทศและสถาปัตยกรรมที่ใกล้เคียงมากที่สุดก็คือ จงเตี้ยน มณฑลยูนนาน ในเขตปกครองพิเศษของชาวธิเบต ประเทศจีนนั่นเอง

1. ภูเขาหิมะสือข่า

Shika Snow Mountain

หลังจากที่พัฒนาเป็นเมืองท่องเที่ยวอย่างเต็มรูปแบบ แชงกรีล่า หรือ จงเตี้ยน ก็มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนเข้าไปเยี่ยมชมความงดงามของวัฒนธรรม สถาปัตยกรรม และทิวทัศน์ของธรรมชาติที่รายล้อมอย่างไม่ขาดสายในแต่ละปี ไฮไลท์แรกที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ ภูเขาหิมะสือข่า (Shika Snow Mountain) ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วย กวางสีแดง เรียกว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่คนทิเบตนับถือเป็นอย่างมาก และเชื่อว่าใครที่ได้พบเห็นกวางบนภูเขาแห่งนี้จะโชคดี

2. วัดซงจ้านหลิน

Songzanlin Monastery

พอเข้าไปในเขตเมืองก็จะพบกับ วัดซงจ้านหลิน (Songzanlin Monastery) วัดเก่าแก่หลังคาสีทองอร่าม แลนด์มาร์คของแชงกรีล่าที่มักจะพบเห็นกันบ่อยในโปสการ์ดและรูปถ่ายโปรโมทเมือง ซึ่งถ้าอยากได้มุมที่เก็บบริเวณวัดและตัวเมืองแบบสวยปังอลังการก็ต้องไปที่ ทะเลสาบลาหมู่ยางชั่ว (Lamuyangcuo Lake) และถ่ายรูปย้อนจากทะเลสาบเข้าไปค่ะ รับรองว่าไม่มีพลาด

3. วัดกุยชาน

Guishan Temple

ต่อมาคือ วัดกุยชาน (Guishan Temple) หรือที่คนไทยเรียกกันว่า วัดต้าฝอ วัดสำคัญอีกแห่งหนึ่งของแชงกรีล่า ด้านในอาคารเป็นที่ประดิษฐานพระประทานองค์ใหญ่ และกงล้อมนต์สีทอง สูง 23 เมตร ที่ผู้คนนิยมไปหมุนวนพร้อมกับสวดมนต์เพื่อให้บทสวดดังก้องไปถึงสรวงสวรรค์ นอกจากจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ยังเป็นจุดชมวิวเมืองที่สวยมากๆ แห่งหนึ่ง อีกทั้งยังมีแสงสีประดับในยามค่ำคืน และเป็นสถานที่พักผ่อนของชาวเมืองอีกด้วย

4. เมืองโบราณตู๋เค่อจง

Dukezong Ancient Town

แน่นอนว่าห้ามพลาด เมืองโบราณตู๋เค่อจง (Dukezong Ancient Town) ที่มีอายุยาวนานกว่า 1,300 ปีมาแล้ว อีกทั้งยังมีความสำคัญสุดๆ บน เส้นทางขนส่งใบชาโบราณ (Ancient Tea Horse Road) ที่ทอดยาวตั้งแต่ คุนหมิง (Kunming) ตลอดไปจนถึงอินเดียเลยทีเดียว เราก็จะได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนชาวเมืองแชงกรีล่า รวมถึงอาคารบ้านเรือนที่ยังคงอนุรักษ์สถาปัตยกรรมโบราณเอาไว้เป็นอย่างดี ถือเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งที่ต้องมาสัมผัสให้ได้เลยค่ะ

แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติม

: ฮาราจูกุ ไทยแลนด์ สุวินทวงศ์ ที่เที่ยวไทยเหมือนไปญี่ปุ่น

You may also like...

Leave a Reply

Your email address will not be published.